Autt @ ตุรกี กรีซ Day 1 : 15 June 2012
Trip ประจำปี 2555 หรือจะนับเป็น Trip ประจำเดือนมิถุนายน
การเดินทางของคนไม่รู้จัก 4 คน กับประเทศที่เต็มไปด้วยสีสันและวัฒนธรรม ตุรกี กรีซ
หลายคนถามว่า ทำไมถึงไปกับคนแปลกหน้า ไม่เข็ดอีกเหรอ หลังจากเจอ case มิจฉาชีพหลอกเงินค่าตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น ตอบงัยดีหล่ะ ก้อเข็ดนะ แต่ให้ไปกับทัวร์มันก้อไม่มันส์เท่าเดินทางกันเอง ลาพักร้อน 11 วัน รวมเสาร์-ทิตย์ก้อประมาณ 17 วัน พร้อมเงินอีกเกือบแสนบาท ผมจะไปหาเพื่อนจากไหนที่สามารถลาได้ 11 วันติดกันและเงินอีกหนึ่งแสนบาทที่ยอมบ้าจ่ายเพื่อได้ที่เที่ยวแบบผม ก้อคงต้องหาจากคนที่อยากไปจิง ๆ โดยหาจากใน website อีกเหมือนเดิม
การเดินทางครั้งนี้ไปถึง 2 ประเทศ ตุรกี และ กรีซ เมืองแห่งเกาะซานโตลินี่ ก้อไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีอะไรในเกาะ แต่เห็นว่า trip นี้มีเวลาให้ผมได้ ถ่ายรูป เดินป่า บ้านเมือง โบสถ์ เกาะ ทะเล ตลาด อาหารพื้นเมือง Shopping ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่หลายอย่างจึงตัดสินใจไปซะเลย อิอิ
** ตุรกี Visa 2000 กรีซ Visa 2400 **
Day 1 : การเดินทางอันแสนยาวนานกับคนตัวเก้งก้างที่ต้องอยู่บนเครื่องบินที่นั่งเล็ก ๆ
พฤ. 14 มิ.ย. 55 พี่ ๆ ที่ไปด้วยกันนัดเจอที่สุวรรณภูมิ 2200 ขึ้นเครื่องสายการบิน Egypt Air MS961 0050 ไปเปลี่ยนเครื่องที่ Cairo MS737 ต่อไปยัง Istanbul ประเทศตุรกีถึงเวลา 1300
เครื่องออก 2200 ก้อเลยไปนั่งรออยู่ที่บูทของ KingPower กินโน้น-นี่-นั่น ทำความรู้จัก ทักทายกับพี่ ๆ ให้เกิดความสนิทสนม
คนแรกหัวหน้าทริป หมอนัทไตหัวใจไฮโซ คนที่สองชื่อ พี่โอ๋ FC @ กรุงศรี และอีกท่าน พี่สาวคนโต พี่สาลี่ ผู้ที่เดินทางด้วยมรดกพันล้าน
ระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องที่ Egypt Cairo เจอทีมคนไทยที่ไปพร้อมทัวร์ ก้อคุยสนุกสนานกันไป
พวกเราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้ากันเกือบ 4 เดือน ราคาประมาณ 31000 ต้องไป transit @ Egypt แต่ถ้าบินตรงไป Istanbul ตกประมาณ 36000 จึงต้องเลือกแบบถูกดีกว่า เสียเวลา 6 ชั่วโมง
เวลาประเทศตุรกีเร็วกว่าบ้านเรา 4 ชั่วโมง ที่โน้นบ่าย 3 ที่เมืองไทยก้อ 11 โมงเช้า ค่าเงินเป็น TL คิด 1 TL = 17 บาท สามารถใช้เงิน Er ได้ 1 Er = 40 บาท ไฟฟ้า 220V แต่เป็นปลั๊กแบบหัวกลมต้องใช้หัว Universal
ผ่าน ต.ม แล้วนั่ง metro รถไฟใต้ดินเข้าเมืองราคา 2TL ลงสถานี Gulhane
ถ้าจะ Backpack กันมาก้อแนะนำเป้ดีกว่า เพราะทางที่นี่ไม่ได้ราบเรียบเสมอไป
Metro ที่นี่ราคาเท่ากันหมดไม่ว่าใกล้หรือไกล คือ 2TL ช่วงเย็น ๆ คนแน่นมากจนแทบจะเอาตัวเบียดเข้าไปในตู้รถไฟที่อบอวนไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศนานาชนิดที่พร้อมกันปล่อยออกมาตามร่องรูขุมขนของชาวอิสลาม แต่ที่น่าสงสารสุดเห็นจะเป็นพี่สาลี่ พี่แกตัวเล็กสุด เวลาแกยืนจะเท่ากับช่วงไหล่ผู้ชาย ถึงแม้ว่า แกจะอิ่มอกอิ่มใจที่ได้อยู่แนบอกของชายฉกรรจ์ แต่กระนั้น …. เมื่อฝ่ายชายได้ยกแขนขึ้นไปจับที่จับห่วงของรถไฟฟ้า แม่เจ้า…..แทบจะหยิบยาดมขึ้นมายัดใส่จมูกทั้ง 2 รูแทบไม่ทัน แล้วก้อพลันพูดว่า “เดินไปได้ไหม ฉันไม่ไหวแล้ว เหม็นกลิ่นเต่ามากกกกกก จะอ๊วกกกกก” 5555 (เวลานั้นขำไม่ออกจิง ๆ นะแบบว่าเหม็นเปรี้ยวมาก)
คืนนี้พักที่ เจี้ยโอสเทล http://www.cheershostel.com ราคา 20 euro/คน/1คืน พวกเราวางแผนอยู่อิสตันบูล 2 วันก่อนขึ้นเครื่องข้ามเมืองกันอีกที
Trip นี้ ผู้หญิง 3 ชาย 1 ไอ้เราก้อรุ่นน้องหน้าละอ่อน นอนด้วยกัน ห้องเดียวกัน ส่วนใหญ่จะนอน Hostel แบบ Dorm เตียง 2 ชั้น 2 เตียง มีห้องน้ำในตัวบ้าง ไม่มีบ้าง ก้อแล้วแต่เมืองที่เราจองได้ แรก ๆ ก้อแอบอาย ๆ บ้าง เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำหลัง ๆ เริ่มชิน อาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าขาวม้าโทง ๆ ออกมาแต่งตัวข้างนอกแทน แรก ๆ ดูพี่เค้าก้อแอบเขินนิดๆแต่หลัง ๆ ก้อชินตากันไปเอง
Check-in เรียบร้อย พักผ่อนในห้องสักพัก ล้างหน้าล้างตา วันนี้คงเหลือเวลาอีกไม่นาน ออกไปเที่ยวได้ไม่กี่ที่ Spice market และแวะเดินเล่นที่ชายทะเล Marmara
ออกจากที่พักก้อไปแลกเงินกันก่อน เตรียมเงินยูโรไปแลกเป็น TL ….. เดินต่อไปได้ไม่นาน ก้อมีหนุ่มรูปงามส่งสายตาหยาดเยิ้มพร้อมกับลีลาอันดุดัน ทั้งยังล้วงและควักออกมาโชว์กันซึ่ง ๆ หน้า กระแทกใจป้า ๆ อย่างจัง ถึงกับวิ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชิวิต ….. อ่อ ๆ พี่เค้าอยากกินไอ้ติมนี่เอง ของหวานประจำชาติ สนนราคาพร้อมลีลาการตักไอ้ติม 5 TL
เดินต่อไปอีกหน่อย เจอร้านแอนตี้แอน ขนมปังโรยด้วยงา Big Size ไม่มีไส้ หนาแต่ไม่นุ่ม กัดแทบไม่เข้าเลย อันนึงแบ่งได้ถึง 4 คน อันละ 2 TL
ไม่ถึง 10 เก้าได้มาอีกเจ้าครับ ร้านนี้ขายข้าวโพดปิ้ง/ต้ม 2 TL เกาลัดปิ้ง 4 TL โอ้ … อิ่มกันเลยทีเดียวคับท่าน
ช่วงเวลาที่ไป มิถุนายน ถือเป็น High Season ราคาหลาย ๆ อย่างจึงแพงกว่าปกติ และช่วงเวลากลางวันยาวนานมาก พระอาทิตย์ขึ้นตีสี่ครึ่ง ตกเวลา 2030 มีเวลาให้เดินถ่ายรูปเยอะมาก อากาศร้อนเหมือนเมืองไทยแต่กลางคืนลมเย็นสบาย
พวกเราเดินมาจนถึง Spice Bazaar ตลาดบ้าน ๆ แต่ราคาไฮคราส ก้อมีพวกเครื่องเทศ เตอร์กิสดีไลท์ ของฝาก ของตกแต่งบ้าน ตามภาพเลย
คนขาย : Hello My Friend !!
Wasan : ยิ้มหวานพร้อมแนบลักยิ้มน้อยๆกลับไป คิดในใจว่า ตูไปเป็นเพื่อนเมิงตั้งแต่เมื่อไหร่
คนขาย : โอนิชิวา
Wasan : ยิ้มแหะๆ คิดในใจว่า ตูคนไทยเฟ้ย
คนขาย : นี่ห่าว ซาลองเฮโย (พี่แกเริ่มเปลี่ยนแนวเดาไปเรื่อย เดี๋ยวก้อคงถูกเอง)
Wasan : I came from Thailand
คนขาย : Sa-wad-dee
Wasan : Yes, Sa-wad-dee-krab แล้วก้อเดินจากไปอย่างไร้เยื้อไยตามเคย
เป็นที่เสียดายมากที่พวกเราไม่สามารถซื้อของฝากจากตุรกีได้มากนัก เนื่องจากต้องแบกของติดตัวพวกเราไปอีก 15 วัน อีกทั้งพวกเราเปลี่ยนเมืองไปเรื่อย ๆ Backpack แบบนี้คงไม่ไหวแน่ ๆ ก้อต้องเลือกให้เฉพาะคนสำคัญ ๆ ก่อนละกัน
มีหลายอย่างน่าซื้อกลับไปแต่งบ้าน แต่แบกไม่ไหวอะ กลัวแตกมาก ๆ ซื้อจานมา 1 ใบถึงเมืองไทยปรากฏว่าแตกซะงั้น เสียดายมาก ตูอุตส่าห์แบกมา 15 วัน
ตลาดที่นี่ลูกค้าหนาแน่นมาก ไม่เจอคนไทยเล้ย ส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งซะมากกว่า เดินไป เดินมา พระอาทิตย์เริ่มลดตัวลงตามอุณหภูมิที่ลดต่ำลงด้วย อากาศเริ่มเย็น วันนี้ใส่ขาสั้นมา ขนหน้าแข้งถึงกับตั้งชูชันแข่งกันเลยทีเดียว ว่าแล้วไปนั่งเรือเล่นดีกว่า ลือกันให้แซดว่า ถ้ามาอิสตันบูลต้องอย่าลืมนั่งเรือบอสฟอรัส ราคา 10 TL เรือเล็ก-รอบเล็ก ถ้าต้องการรอบใหญ่คงแพงกว่านี้ ใช้เวลาบนเรือประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ชมวิวทิวทัศน์ วิถึชิวิตริมทะเลกันจน…ไอ้ติมที่กินเข้าใปแทบพุ่งออกจากปาก โอย …. กระผมเมาคลื่นครับ โชคดีที่มีลมเย็นพัดตลอดเวลา ไม่งั้นคงเมาเรือมากกว่านี้ ก้ออย่างว่า พา “คุณหนู” มาทรมาน ไหนจะเจ๊คแดกจากเครื่องบิน เมากลิ่นเครื่องเทศจากรถไฟฟ้า ตามมาด้วยเรืออีก เรือก้อแล่นไปตามเส้นทางของมัน คนข้างหลังแม่งก้อจีบกันอยู่ได้ เมึงจะโรแมนติกทำด้อยอะไรตรงนี้ฟะ ข้างซ้ายก้อถ่ายรูปเข้าไปเถอะ ข้างขวาก้อเป็นเด็กน้อยตาโตอย่างกะใส่ Big Eye พยายามมาเล่นกับเรา ก้อได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ไป กลายเป็นคนไร้อารมณ์ในบัดดน อย่ามาสะกิดนะ ไม่งั้นมีพุ่งแน่งานนี้ ….. สาดดดด
เข้าถึงฝั่งอย่างปลอดภัย เดินเล่นกันซักพัก เจอร้านริมทางลักษณะคล้ายเครื่องดืมชูกำลังให้ปึ้งปั๋ง ยาดองเหล้าตราเสือ 11 ตัว มุงดูกันซักพักเลยลองกินบ้าง รสชาติเปรี้ยวปิ๊ดเหมือนผักดองบ้านเราแต่กลิ่นแรงกว่า
เดินไปอีกหน่อยเจอร้านขายหอยแมงภูอบ ข้างในหอยมีข้าวอยู่ด้วย บิบมะนาวใส่แล้วกลั่นใจกลืน คนขายว่างั้นนะ เราก้อทำตาม …. อร่อยดีนะ ไม่คาวอย่างที่คิด หอยตัวใหญ่ 2 TL ตัวเล็ก 1 TL ก้อแปลกดี
เดินถ่ายรูปกันซักพัก ก้อถึงเวลามื้อเย็น มื้อแรก ณ เมืองอิสตันบูล เป็นอันต้องลิ้มลองอาหารประจำชาติ เคบับ พวกเรามุ่งหน้าเข้าไปยังร้าน Chat doner ที่หน้าร้านเต็มไปด้วยหนุ่มตุรกีหน้าตาคมเข้มถูกใจป้ารุ่นใหญ่วัยดึก มาพร้อมกับมีดเฉือนเนื้อที่เสียบอยู่ในแท่งเหล็ก ย่างไฟให้สุกแล้วเฉือนเป็นชิ้นบางๆวางบนแป้งขนมปังร้อนๆ จากนั้นใส่ผักและซอส แล้วก้อได้ออกมาตามภาพ … เงื้อ …. น่ากินตรงไหนเนี่ย .. แต่ก้อต้องกิน ..เฮ้อ
หลายคนถามว่า เคบับ ที่อิสตันบูล กับ เคบับ ในเมืองไทย อันไหนอร่อยกว่ากัน ? เอออออ …. ไม่เคยกินที่เมืองไทยแหะ ถ้าให้เปรียบเทียบกับที่เคยเห็นเค้าทำ ปริมาณเนื้อที่ตุรกีเยอะกว่ามาก ไม่เหมือนพี่ไทย ยัดเนื้อ-ผัก-ซอสไว้เฉพาะส่วนบนแล้วม้วนหนา ๆ ให้ดูเหมือนเยอะ กัดไป 2 คำเนื้อหมด นอกนั้นเหลือแต่แป้ง 555
แล้วค่ำคืนที่แสนเหนื่อยล้าก้อจบลง …… ติดตามต่อวันถัดไป