แยมทาขนมปังน่ะมี 2 ชนิด คือแบบเย็น กับแบบอุ่น ปกติแยมแบบอุ่นเอามาทาขนมปังจะอร่อยกว่า ส่วนแยมแบบเย็นที่เราซื้อตามห้างมากินกันน่ะ เค้าจะทำให้มันหวานกว่าปกติ เพราะเวลาแช่เย็นความหวานที่ลิ้นสัมผัสได้มันจะลดลง แต่ถ้าเราเอาแยมชนิดเย็นมาอุ่นแล้วทาน จะไม่อร่อยเพราะลิ้นมนุษย์สามารถรับรสหวานได้ดีกว่ารสอื่น

เจร็ดโด้ การ์ตูนที่ดูว่ามันปัญญาอ่อนมันให้ความรู้โดยที่ตูไม่รู้ตัวขนาดนี้เลยรึ (ระหว่างที่ดูตูยังงัวเงียอยู่เลย)

กลับมาดูผู้ผลิตการ์ตูนในไทยกันบ้างที่พยายามจะสร้างการ์ตูนออกมา ส่วนตัวตูเห็นด้วยที่เรามีความพยายามที่จะสร้างการ์ตูนดีๆ ออกมา แต่พอได้มาดูผลงานที่ออกมา ตูว่าคุณภาพของการ์ตูนยังสู้ อิคิวซัง เมื่อสมัย 20 ปีที่แล้วยังไม่ได้เลย คิดง่ายๆ สมัยนี้เทคโนโลยีการผลิตมันน่าจะพัฒนามากกว่าเมื่อก่อนมาโขแล้ว แต่ยังสู้เค้าไม่ได้ลองคิดดู  

พอมาดูกันถึงเนื้อหาของการ์ตูน ก็เหมือนกับว่าเราพยายามยัดเยียดวัฒนธรรมไทยๆ ลงไปในการ์ตูนไทยมากเกินไป อันนี้ไม่ใช่ตูว่าวัฒนธรรมของเราไม่ดีนะ เพียงแต่อยากให้เรามีอิสระทางจิตนาการในการสร้างสรรค์ผลงานมากกว่า ดูญี่ปุ่นสิ มีการ์ตูนหลากหลาย แปลงร่าง หุ่นยนต์ ทำอาหาร นักสู้ หมอ สัตว์ หน่วยกู้ภัย ครู ฯลฯ มาดูการ์ตูนไทยๆ ร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ จะต้องมี ลุงผู้ใหญ่บ้าน  เด็กๆ นุ่งโจงกระเบน มีตัวร้ายหน้าตาอัปลักษณ์ หลวงตา ทำออกมาแนวเดียวคือ พื้นบ้าน แล้วก็วิธีการแทรกความรู้ลงไปก็ไม่แนบเนียนเหมือนของญี่ปุ่น ใครที่ว่าอ่านการ์ตูนไร้สาระ แสดงว่ามันไม่เคยอ่านการ์ตูน อ่านแต่พวกขายหัวลิง ตลกสามช่องแล้วมาบอกว่าไร้สาระ

ช่วงสึนามิก็มีบ๋อยร้านอาหารรอดตายเพราะการ์ตูนมาแล้ว เช่นในเรื่อง คิดะอิจิ (ตูพึ่งดูช่อง 9 เมื่อวันจันทร์นี้เอง) มีตอนที่พวกพระเอกขึ้นคอร์ปเตอร์ ออกจากเกาะ แล้วมีเด็กผู้หญิงถามว่า "ทำไมน้ำทะเลถึงได้ลดลงไปเยอะขนาดนั้น" ตัวละครอีกตัวก็ตอบว่า "กำลังจะเกิดสึนามึ" แล้วก็มีภาพน้ำทะเลซัดเข้าเกาะ  เห็นมะ ใครว่าไอ้บ๋อยนี่เอาแต่อ่านการ์ตูนไร้สาระ แต่อย่างน้อยมันก็รู้ว่าสึนามิคืออะไรถึงได้รอดมา